บ่มเพาะจากยุววิจัยยางพารา สู่โครงการเพาะพันธุ์ปัญญา
โรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ จ.ศรีสะเกษ
เด็กเกิดการเปลี่ยนแปลง
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2556 โรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับอำเภอ สังกัดอบจ.จังหวัดศรีสะเกษ เปิดห้องเรียนเพาะพันธุ์ปัญญาให้คนภายนอกไปเรียนรู้ อาทิ พี่เลี้ยงโครงการเพาะพันธุ์ปัญญา สกว. ครูโรงเรียนอื่น และธนาคารกสิกรไทย
ภาคเช้า ครูไสว อุ่นแก้ว ทีมครูแกนนำ เด็ก และผู้ปกครอง ได้เล่าประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง ครูไสวบอกว่า การสอนโครงงานในอดีต สอนแล้วเด็กเหมือนเดิม จึงต้องเดินทางไปหาความรู้จากภายนอก และได้พบกับ “โครงการยุววิจัยยางพารา สกว.” ได้เห็นวิธีการพัฒนาเด็กและครูที่ปรึกษา จึงสนใจและเข้าร่วมโครงการมาตลอด จนถึงปี 2556 โครงการยุววิจัยยางพาราปิดตัว จึงมาเข้าร่วมกับโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาต่อ ครูไสวพบว่า เด็กที่ผ่านการทำโครงงานจะกลายเป็นเด็กคิดเป็น มีความสามารถในการจัดการและแก้ปัญหา ผู้ปกครองสะท้อนให้ฟังว่า เด็กมาทำโครงงานมาอยู่กับครู ได้ประโยชน์มากกว่า
การสอนห้องเพาะพันธุ์ปัญญา
โครงการเพาะพันธุ์ปัญญา เน้นกระบวนการสอนในห้อง ที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ด้านใน หรือปัญญาภายใน ไปพร้อม ๆ กับการเรียนรู้ด้านนอกที่สร้างความรู้ด้วยกระบวนการการวิจัย หรือปัญญาภายนอก
ครูไสว อุ่นแก้ว และทีครูแกนนำ ได้ออกแบบการสอนเริ่มจากการเตรียมความพร้อมก่อนเรียนรู้ ด้วยการผ่อนคลายจิตใจและร่างกายผ่านการนอนสมาธิประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นจัดการให้ร่างกายตื่นด้วยการรำมวยชี่กง 5 ท่า (เตรียมพร้อมร่างกาย) หลังจากนั้นเป็นกิจกรรมเรียนรู้ตามขั้นตอนของการทำโครงงาน โดยพยายามรักษาสภาวะการเรียนรู้ ครูไสวบอกว่า “ครูต้องทำให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย ทำให้เด็กคลายจากความกลัว ต้องทำให้อยู่ในสภาวะผ่อนคลาย” ชมคลิปได้ ที่นี่
การเรียนการสอนแบบ PBL (Project Base Learning)
คุณกฤษฎา ล่ำซำ รองประธาน และประธานกรรมการกำกับดูแลกิจการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวทักทาย และเล่าประสบการณ์ตนเองที่มีแนวคิดสอดคล้องกับโครงการนี้ “เพาะพันธุ์ปัญญาขึ้นปีที่สองแล้ว ผมเพิ่งกระโดดเข้ามาเกี่ยวข้องเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ได้เรียนรู้การเรียนรู้แบบให้เด็กทำโครงงาน เกิดขึ้นกับตนเองตรงที่ บังเอิญลูกเพิ่งขวบกว่าๆ ต้องมองหาโรงเรียนให้ลูก ทำให้รู้ว่าแนวทางการดำเนินโครงการนี้แนวคิดตรงกัน โรงเรียนที่ส่งให้ลูกเรียนรับเด็กตั้งแต่ขวบครึ่งขึ้นไป สอนโดยแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ให้เด็กคุยกัน อาจารย์ไม่เป็นผู้สอน เป็น Facilitator อำนวยความสะดวกให้เด็ก เด็กสนใจเรื่องอะไรให้คุยกันก่อน อย่างสนใจเรื่องการบินก็คุยกันในประเด็นนั้น ๆ คล้าย ๆ กับการวิเคราะห์วิจัย ซึ่งแตกต่างจากที่อื่น” ซึ่งแนวคิดที่ตรงกันกับสิ่งที่ธนาคารส่งเสริมการศึกษาเป็นซีเอสอาร์ของธนาคาร โครงการเพาะพันธุ์ปัญญาเกิดผลในภาพใหม่ เห็นความงดงามของเด็กจะใช้ทักษะสื่อออกไปสู่สาธารณะ เอาผลลัพธ์ออกไปเผยแพร่ เชื่อว่ากระบวนการเรียนรู้แบบนี้เป็นทิศทางที่ถูกต้องของการศึกษาของสังคมไทยต่อไป
คุณหมอวิจารณ์ พานิช ได้แนะนำว่า การสอนแบบ PBL ให้ลึกได้ครูต้องทำเพิ่มสามเรื่อง คือ
1. ฝึกให้เด็กเขียนไดอารี่ของการทำงาน การเขียนสามารถสะท้อนคิดได้หลายอย่าง การเขียนที่เรียกว่า self reflection คือการสะท้อนคิดด้วยตัวเองเป็นรายบุคคล นี่คือทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต
2. การออกมานำเสนอผลงานของโครงงาน ที่นี่ดีขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งคือ นำเสนอเป็นศิลปะ เป็นหนังสั้นที่เป็นละคร เป็นภาพวาด เพื่อที่จะสังเคราะห์ความเข้าใจของเด็กจริง ๆ
3. เหมือนข้อ 1 แต่ทำเป็นกลุ่ม คือ Group reflection คือ AAR กันในกลุ่ม
ในการพัฒนากระบวนการ AAR ครูหาวิธีตั้งคำถามเพื่อให้เด็กเรียนรู้ครบทุกด้าน ต้องให้เกิดการเรียนรู้อย่างน้อย 5 ด้าน คือ 1. ด้านสติปัญญาหรือการพัฒนาความรู้ 2. การพัฒนาการเชิงอารมณ์ 3. การพัฒนาการด้านสังคม 4. การพัฒนาการด้านจิตวิญญาณ หรือการมีความภูมิใจที่จะทำประโยชน์ให้คนอื่น 5. การพัฒนาการทางด้านร่างกาย
ดังนั้น ไม่ว่าจะเรียนอะไร ต้องหาทางที่จะเรียนได้ 5 ด้านเสมอ
อีกอย่าง ครูฝึกประเมินการเรียนรู้ของเด็ก วิธีการที่จะประเมินได้ต้องตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ของเด็ก วิธีการประเมินอาจคล้ายข้อสอบ PISA เพราะเป็นข้อสอบวัดความสามารถการใช้ความรู้ เช่น ทดสอบการอ่าน ที่ไม่ได้ทดสอบว่าคุณอ่านออกหรือไม่ แต่จะทดสอบว่าอ่านแล้วเข้าใจหรือยัง เพราะฉะนั้นครูต้องฝึกการประเมินการเรียนรู้สมัยใหม่ รวมถึงทักษะในศตวรรษที่ 21 คือ ทักษะการใช้ความรู้ ซึ่งก็คือข้อสอบ PISA นั้นเอง ชมคลิปได้ที ที่นี่
ระบบการศึกษาที่ดีขับเคลื่อนด้วยเฟืองหลายตัว
ดร. อดิศวร์ หลายชูไทย รองกรรมการผู้จัดการ และเลขานุการธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีความเชื่อว่าระบบการศึกษาที่ดีจะเป็นกลไกที่ทำให้เกิดการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบไปด้วยเฟืองอย่างน้อย 3 ชิ้นที่จะเป็นกลไกให้เดินต่อไป และหมุนไปอย่างมีความหมาย เฟืองแรก คือ ครู ที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู เฟืองตัวที่สอง คือ ตัวของเด็ก ๆ เฟืองตัวที่สาม คือ ผู้ปกครอง ผู้ที่เป็นกำลังใจสำคัญของเด็ก ๆ ซึ่งมีความหมายกับกระบวนการในการพัฒนาครั้งนี้อย่างมากมาย ชมคลิปได้ ที่นี่
บทเรียนรู้
ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย กล่าวว่า ทักษะกระบวนการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล กระบวนการตั้งโจทย์ของเด็กที่โรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ เป็นได้อย่างรวดเร็ว ได้ประเด็นที่น่าสนใจ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ กระบวนตั้งคำถามการสอนของครูไสว ที่มี 2 แบบ แบบที่เกี่ยวกับเนื้อหา เช่น รู้ได้อย่างไรว่าใบไหนอ่อน ใบไหนแก่ และแบบที่เป็นคำถามภายใจจิตใจ เช่น ใครจะช่วยเพื่อนบ้าง ซึ่งอันหลังมันจะสะท้อนความคิดจากจิตใจภายในของเด็กได้เป็นอย่างดี รับชมคลิปได้ ที่นี่
- ชมคลิปวีดีโอ การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานฐานวิจัย ห้องเรียนเพาะพันธุ์ปัญญา โรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ได้ ที่นี่
- เอกสาร แบบบันทึกกระบวนการสอนแบบเพาะพันธุ์ปัญญา ของโรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ ดาวน์โหลดได้ที่นี่ ดาวน์โหลด
- ข่าวมติชนสุดสัปดาห์ คอลัมน์: ไทยมองไทย โดย คุณสมหมาย ปาริจฉัตต์ เขียนเล่าเรื่องจากประสบการณ์ถอดบทเรียนรู้จากเวทีเพาะพันธุ์ปัญญาทั้งหมด 4 ตอน สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ การปรับกระบวนการเรียนรู้ใหม่ วิจัยไม่ใช่การสร้างองค์ความรู้เพียงอย่างเดียว แต่สร้างการพัฒนาในตัวเด็ก และครูได้อย่างมาก ครูเข้าใจการสอนใหม่ สร้างบรรยากาศห้องเรียนให้ปลอดภัย เด็กก็จะกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น สามารถดาวน์โหลดอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
(1) มติชนสุดสัปดาห์ เพาะพันธุ์ปัญญาการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
(2) มติชนสุดสัปดาห์ ความจริงของแผ่นดิน
(3) มติชนสุดสัปดาห์ ห้องเรียนปลอดภัย มหาวิทยาลัยรับใช้ท้องถิ่น
(4) มติชนสุดสัปดาห์ เพาะพันธุ์ปัญญา เพาะแบบไหน